เทคโนโลยีการทำความสะอาดท่อรุ่นใหม่ เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า
ผลกระทบของการระเหยน้ำในระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ต่อประสิทธิภาพการทำงาน
ในระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ น้ำที่หมุนเวียนจะเกิดการระเหย ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบทำความเย็น
ปัญหาหลักที่เกิดขึ้น ได้แก่
- คราบตะกรัน (Scale Buildup)
แร่ธาตุอย่างแคลเซียมและแมกนีเซียมจะตกตะกอนสะสมบนผนังท่อ ทำให้ประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- เมือกชีวภาพ (Slime Formation)
การเจริญเติบโตของสาหร่ายและจุลินทรีย์ก่อให้เกิดชั้นไบโอฟิล์มที่เป็นฉนวนความร้อน ขัดขวางการถ่ายเทความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
- อนุภาคแขวนลอย (Particulate Accumulation)
อนุภาคทราย ฝุ่น และเศษสิ่งสกปรกสะสมจนอุดตันทางเดินน้ำ ส่งผลให้การไหลเวียนลดลงและเพิ่มภาระการทำงานของอุปกรณ์
ผลกระทบที่ตามมา
เมื่อสะสมมากขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบรุนแรงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่
- ท่อแลกเปลี่ยนความร้อนอุดตัน
- ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนลดลง
- การใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงานโดยรวม
EQOBRUSH: ระบบแปรงทำความสะอาดอัตโนมัติ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว EQOBRUSH มาพร้อมกับเทคโนโลยีแปรงทำความสะอาดท่ออัตโนมัติ ที่ช่วยกำจัดคราบสิ่งสกปรกก่อนจะเกาะติดท่อ และทำงานได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบบริหารจัดการอาคาร (BMS: Building Management System)
คุณสมบัติเด่นของ EQOBRUSH
- ระบบแปรงทำความสะอาดอัตโนมัติทุก 4 ชั่วโมง
- กำจัดคราบสิ่งสกปรกก่อนเกาะติดท่อ
- ทำงานได้อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพาระบบ BMS
- ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ
ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้งาน
- ประหยัดพลังงานสูงสุดถึง 40%
- ลดเวลาการบำรุงรักษา
- ลดปริมาณสารเคมีสำหรับบำบัดน้ำ
- เพิ่มกำลังการผลิต
- ลดการใช้น้ำในระบบ
- ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ได้ถึง 20%
สรุป
การจัดการคราบตะกรัน เมือกชีวภาพ และอนุภาคแขวนลอยในระบบคูลลิ่งทาวเวอร์เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนการดำเนินงาน EQOBRUSH จึงถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบแปรงทำความสะอาดอัตโนมัติที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบและความคุ้มค่าในระยะยาว
ทุก ๆ 4 ชั่วโมง แปรงที่ขับเคลื่อนด้วยแรงดันน้ำจะเคลื่อนที่ไป-มาในท่อ เพื่อขจัดคราบสกปรกก่อนที่จะเกาะติดผิวท่อ ระบบทำงานแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบบริหารจัดการอาคาร (BMS)
สามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุดถึง 40% ด้วยการคงประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความร้อนไว้อย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าคราบตะกรันที่เกาะหนาเพียง 1 มม. อาจเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 30%
ระบบใช้ชิ้นส่วนที่มีความทนทานสูง (อายุการใช้งาน 3–5 ปี) พร้อมทั้งสามารถเปลี่ยนแปรงได้โดยไม่จำเป็นต้องถอดหรือเปลี่ยนตะกร้าภายใน และยังมีการสูญเสียแรงดันในระบบ (pressure loss) ในระดับต่ำมาก
ระบบนี้ได้รับการติดตั้งโดยบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น Daikin, ThyssenKrupp, Volkswagen, BASF เป็นต้น โดยมีผลการใช้งานจริงที่พิสูจน์แล้วในด้านประสิทธิภาพและความคุ้มค่า