News

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับบุคคลทั่วไป

  • Published 1 year last on Jun 20, 2022

 

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับบุคคลทั่วไป

                    บริษัท เอลโม เทค จำกัด (“บริษัท”) ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลที่ติดต่อบริษัทหรือบุคคลทั่วไป (“ท่าน”) เช่น ผู้มาติดต่อบุคคลภายในบริษัท ผู้ใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท ผู้ที่ติดต่อ เพื่อขอรับข้อมูลจากบริษัท เจ้าหน้าที่ของภาครัฐ ผู้ใช้งานเว็บไซต์ บุคคลที่ติดต่อสอบถามข้อมูล ผู้ติดต่อทาง Call Centerผู้ส่ง-รับของ (แมสเซนเจอร์) ผู้รับเงิน และมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าว บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับบุคคลทั่วไปฉบับนี้ (“ประกาศ”) เพื่ออธิบายถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ การเปิดเผย และวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมแจ้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

 

ข้อที่ 1 ประเภทข้อมูลส่วนบุคล

บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านซึ่งอาจได้แก่ข้อมูลดังต่อไปนี้ โดยอาจแตกต่างกัน แล้วแต่กรณี และลักษณะของกิจกรรมที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลของท่าน

  1. ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ศาสนา สถานภาพสมรส รูปถ่าย ลายมือชื่อ
  2. ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชัน (Line ID) และข้อมูลอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน
  3. ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ ข้อมูลหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address) ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคและข้อมูลเฉพาะที่ใช้ระบุตัวตน เช่น คุกกี้ (Cookie) เว็บบีคอน (web beacon) ล็อก (Log) ไอดีอุปกรณ์ (Device ID) ประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลการเข้าถึง การเข้าสู่ระบบ (Login log)
    เวลาที่เข้าถึง ระยะเวลาที่ใช้บนหน้าเพจของบริษัท
  4. ข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดีย (Social Media Account) เช่น ข้อมูลรายละเอียดการใช้งาน ประวัติการค้นหา ข้อมูลการเรียกดู การตอบสนองต่อการโฆษณาของบริษัท รวมถึง เนื้อหาที่ท่านเข้าชม ลิงก์ที่กดเข้าชม และข้อมูล
    การขอใช้บริการ ข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม การค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท
  5. ข้อมูลการโต้ตอบและการสื่อสาร ในกรณีที่ท่านติดต่อบริษัท รวมถึงข้อมูลที่ท่านเลือกจะแบ่งปันและเปิดเผย
    ผ่านระบบแอปพลิเคชัน เครื่องมือ แบบสอบถาม และบริการต่าง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีใด ๆ
    ก็ตาม ซึ่งอาจเป็นภาพ หรือเสียง โทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
  6. ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น การบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัท ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าออกสถานที่ การบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด ข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งอุบัติเหตุ และความปลอดภัยในที่ทำงาน

 

ข้อที่ 2 ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

ในกรณีข้อมูส่วนบุคคลอ่อนไหว บริษัทไม่มีความประสงค์ให้บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน แต่หากข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท เช่น เชื้อชาติ หรือข้อมูลศาสนา และท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด บริษัทแนะนำให้ท่านเป็นผู้ปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง โดยวิธีการขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว อย่างไรก็ตามหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ

 

ข้อที่ 3 วัตถุประสงค์ในการเก็บ รวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น บริษัทดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อดำเนินการพัฒนา ดูแล ปรับปรุงการเข้าใช้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ
  2. เพื่อประมวลผลข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์จากการใช้เว็บไซต์ของบริษัท และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก คำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัท หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ รวมถึงการดำเนินการที่เกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือการดำเนินคดี
  3. เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันและตรวจสอบการทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้าย การประพฤติโดยมิชอบ หรือการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ 
  4. เพื่อบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและท่าน เช่น ดูแลลูกค้า ประเมินความพึงพอใจ ตรวจสอบข้อร้องเรียนที่ได้รับจากท่านหรือจากผู้อื่น
  5. เพื่อทำแบบสอบถามสำรวจความคิดเห็น การสำรวจความต้องการ และวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาปรับปรุง คุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท 
  6. เพื่อประมวลผลข้อมูลการการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการชำระเงินการยืนยันตัวตน หรือการทำนิติกรรมใด ๆ ระหว่างท่านกับบริษัท
  7. เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมโรคติดต่อ การบันทึกอุณหภูมิ และประวัติการเดินทางของท่าน

 

ข้อที่ 4 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามกฎหมายให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  1. บริษัทในเครือ ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง และ/หรือบุคลากรภายในของบริษัทดังกล่าวเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  2. ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหา การจ่ายเงินเดือน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บริษัทประกันชีวิต รวมถึงผู้พัฒนาระบบสารสนเทศอื่น ๆ ที่บริษัทจัดให้มีขึ้น และบุคคลอื่นที่จำเป็น เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจ และให้บริการแก่พนักงาน รวมถึงมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัท
  3. ผู้ให้บริการและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ในการให้บริการต่าง ๆ รวมถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท หรือร่วมกับบริษัท เพื่อดำเนินวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ และมีความจำเป็นต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยี (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่งเอสเอ็มเอส หรือบริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่าง ๆ บริการบันทึกข้อมูล บริการชำระเงิน การตรวจสอบทางบัญชี หรือบริการอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัท
  4. บุคคลภายนอก ผู้ให้บริการ Call Center ซึ่งทำหน้าที่ผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคล ในการให้บริการตามคำขอตอบข้อซักถาม ยืนยันตัวตนในการใช้บริการ สำรวจความต้องการและความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลการบริการ

บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

 

ข้อที่ 5 ระยะเวลาในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในประกาศ
ฉบับนี้ แบ่งได้ดังนี้

  1. กรณีที่บริษัท ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าท่านจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม
  2. กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นผู้ส่ง-รับของ (แมสเซนเจอร์) ผู้รับเงิน ลูกค้า ผู้รับบริการ หรือตัวแทนของคู่สัญญาที่ทำนิติกรรมกับบริษัท  บริษัทจะเก็บข้อมูลไว้ตลอดระยะเวลาในสัญญา และจะเก็บต่อไปอีก 12 (สิบสอง) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือสิ้นสุดสัญญา
  3. กรณีท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะผู้ติดต่อบริษัท ผู้สอบถามข้อมูล ผู้ติดต่อทาง Call Center (มิใช่ลูกค้า ผู้รับบริการ) บริษัทจะเก็บข้อมูลไว้ 2 (สาม) เดือน นับถัดจากเดือนที่สิ้นสุดความสัมพันธ์ หรือการให้บริการแก่ท่านเสร็จสิ้นลง
  4. กรณีการเข้าชมเว็บไซต์ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเว็บไซต์ไว้ 120 (หนึ่งร้อยยี่สิบวัน) นับถัดจากวันที่ท่านเข้าใช้บริการบนเว็บไซต์
  5. กรณีการเข้าออกนอกสถานที่ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิดไว้ 90 (เก้าสิบวัน) นับถัดจากวันที่ท่านเข้าสถานที่
  6. ในกรณีมีการขอใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะเก็บหลักฐานประวัติการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่บริษัทพิจารณาคำขอของท่านแล้วเสร็จ

กรณีอื่น ๆ บริษัทอาจจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)  ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้ จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใดๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

 

ข้อที่ 6 สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านแบบฟอร์มแบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้น ตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ทั้งนี้ หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอฟุ่มเฟือย บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอ อย่างไรก็ตาม ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยท่านสามารถส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดในการดำเนินการตามสิทธิ ดังต่อไปนี้

  • สิทธิขอถอนความยินยอม: หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)  ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัทที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ หรืออาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้

  • สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

  • สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องประมวลผล เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

  • สิทธิขอคัดค้าน: ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ

หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

  • สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูล ส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของงานได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อบริษัทเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  • สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใด ที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน

  • สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ บริษัทจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของท่านเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของบริษัทที่ชอบด้วยกฎหมายและในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายบริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากท่าน

  • สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อบริษัทผ่านแบบฟอร์มแบบคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

ข้อที่ 7 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น หรืออาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

ในกรณีที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัท อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

 

ข้อที่ 8 ข้อมูลติดต่อ

กรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง ดังนี้

เรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล : ติดต่อคณะเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
อีเมล : [email protected]
ที่อยู่ : 68 ซอยรินรดา ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร 10250

 

ข้อที่ 9 การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท

 

                    จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

 

 

ประกาศ ณ วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

 

  ( นางสาว ศิริณี กันทา)
     Vice President